หนังสือพระราชนิพนธ์
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี



พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2533
ประเทศ จีน
กลับไปหน้าที่แล้ว

มุ่งไกลในรอยทราย


“…เมื่อได้ไปยืนอยู่บนพื้นทะเลทราย ความรู้สึกหลายอย่างได้เกิดขึ้นในห้วงคิด อย่างหนึ่งคือความกว้างขวาง ความโดดเดี่ยว อิสรเสรี ซึ่งงดงามและมีความหมายท้าทายต่อชีวิตที่ก้าวไปข้างหน้าไกลแสนไกล อีกอย่างหนึ่งคือ ความประทับใจต่อบุคคลที่ไปมาอยู่ในพื้นที่แถบนี้ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน อยากศึกษาว่าเขาอยู่กันอย่างไร ทำอย่างไร จึงต่อสู้ความยากลำบากนานาประการในทะเลทรายได้
“การเรียนรู้จักบุคคลต่างๆ สรรพวิทยาที่ได้พบให้เวลาเป็นพันเป็นหมื่นปีก็ยังไม่พอจะเรียนรู้ได้ทัน ชีวิตเราคงไม่ถึงร้อยปี ทุกๆ วันที่ผ่านมาก็มีความตื่นตาตื่นใจ ที่อยากไขว่คว้าแสวงหา ข้าพเจ้าจึงพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเห็น ได้ยินคำบอกเล่า อ่านจากหนังสือ ด้วยความจำกัดของสติปัญญาและเวลาจึงไม่สามารถค้นคว้าเพื่อสนองความอยากรู้ และเพื่อถ่ายทอดมาเป็นอักษรได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่เริ่มต้นตอนนี้ก็หมดโอกาสที่จะคุยกับท่านผู้อ่าน ดังนั้นถ้าข้าพเจ้าบกพร่องผิดพลาดก็ขอได้อภัย และโปรดได้แนะนำเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติมาโดยตลอด ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน มิตรชาวจีนและไทยทั้งเก่าและใหม่ที่อำนวยโอกาสอันดีในการที่ข้าพเจ้า “มุ่งไกลในรอยทราย” ครั้งนี้…”

ข้างต้นเป็นข้อความตอนหนึ่งใน “คำนำ” ของพระราชนิพนธ์เรื่อง “มุ่งไกลในรอยทราย” พระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๑ ในชุดเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ และเป็นครั้งที่ ๒ ของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ทรงบันทึกไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๗ เมษายน – ๒๑ เมษายน ๒๕๓๓
วันที่ ๑ (วันเสาร์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ถึงกรุงปักกิ่ง รองนายกรัฐมนตรีอู๋เซียะเฉียน จัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำถวาย ณ เรือนรับรองเตี้ยวอวี๋ไถ
วันที่ ๒ (วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปวัดพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป (วัดปี้หยุนซื่อ) และวัดพระนอน (วัดว่อฝอซื่อ) ทรงพบนายกรัฐมนตรี หลี่เผิง และภริยา เสด็จฯ ไปวัดลามะ (วัดหย่งเหอกง) และมูลนิธิซ่งชิงหลิง พระราชทานเลี้ยงอาคารค่ำแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีน ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน ต่อจากนั้น พระราชทานพระราชวโรกาสให้ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทยในจีนเฝ้าฯ
วันที่ ๓ (วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทรงพบประธานาธิบดี หยางซ่างคุน ณ ห้องโถงฮกเกี้ยน มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เสด็จฯ จากท่าอากาศยานกรุงปักกิ่งไปยังนครซีอาน เสวยพระกระยาหารค่ำ ซึ่งรองผู้ว่าราชการมณฑลส่านซีนายซุนต๋าเหรินจัดถวาย
วันที่ ๔ (วันอังคารที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรจุดเริ่มต้นเส้นทางสายแพรไหม “ประตูไคหย่วน” เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสุสานเจ้าหญิงหย่งไท่ สุสานเฉียนหลิง และสุสานเจ้าชายจางไหว เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสุสานและพิพิธภัณฑ์เม่าหลิง (สุสานราชวงศ์ฮั่น) เสวยพระกระยาหารค่ำ และทอดพระเนตรการแสดง ณ โรงละคร
วันที่ ๕ (วันพุธที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์หุ่นนักรบราชวงศ์ฉิน และเจดีย์ห่านฟ้าเล็ก (เสี่ยวเยี่ยนถ่า) เสด็จฯ จากท่าอากาศยานนครซีอานไปยังนครหลานโจว
วันที่ ๖ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์มณฑลกานซู และโรงงานทอผ้าขนสัตว์ ทรงฟังการบรรยายและมีพระราชปฏิสันถารกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับ “เส้นทางแพรไหม” ณ บ้านพักรับรองแขกเมืองหนิงว่อ ผู้ว่าราชการมณฑลกานซูจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำถวาย ณ ห้องโถง บ้านพักรับรองแขกเมืองหนิงว่อ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการแสดงจากโรงเรียนศิลปะการแสดงแห่งกานซู ณ โรงละคร ภายในบริเวณบ้านพัก
วันที่ ๗ (วันศุกร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปวัดจุนหยวน และสวนสาธารณะอู่ฉวน เสด็จฯ จากท่าอากาศยานนครหลานโจวไปยังเมืองเจียยู่กวน นายเจินเจิ้งซิง รองนายกเทศมนตรีเมืองเจียยู่กวนจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำถวาย ณ โรงแรมฉางเฉิง
วันที่ ๘ (วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปด่านเจียยู่กวน ทอดพระเนตรภูมิประเทศบริเวณป้อมไฟป้อมสุดท้ายของกำแพงเมืองจีน เสด็จฯ ไปสุสานสมัยราชวงศ์เว่ยและจิ้น เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองจีน
วันที่ ๙ (วันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสวนสาธารณะเมืองจิ่วฉวน และโรงงานผลิตแก้วเรืองแสงยามราตรี (เย่กวงเปย) นายกเทศมนตรีเมืองจิ่วฉวนจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารกลางวันถวาย ณ โรงแรมจิ่วฉวน เสด็จฯ โดยรถไฟพระที่นั่งขบวนที่ ๖๙ จากสถานีรถไฟเจียยู่กวน ไปยังสถานีรถไฟหลิ่วหยวน เมืองตุนหวง
วันที่ ๑๐ (วันจันทร์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปถ้ำโม่เกา นายกเทศมนตรีเมืองตุนหวงจัดงานเลี้ยงพระกระยาหารกลางวัน ถวาย ณ โรงแรมตุนหวง เสด็จฯ ไปทรงอูฐ ทอดพระเนตรภูเขาหมิงซา และทะเลสาบเสี้ยววงพระจันทร์ เสด็จฯ โดยรถไฟพระที่นั่งขบวนที่ ๖๙ จากสถานีรถไฟหลิ่วหยวน เมืองตุนหวง ไปยังเมืองทู่หลู่ฟัน
วันที่ ๑๑ (วันอังคารที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ถึงเมืองทู่หลู่ฟัน เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรเมืองโบราณเกาชาง สุสานโบราณอัสตาน่า ถ้ำพระพุทธรูปพันองค์ สุเหร่ามุสลิม ซูกงถะ และระบบน้ำใต้ดิน ณ บ่อข่านอื๋อจิ่ง ต่อจากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังนครอูหลู่มู่ฉี นายทูมูร์ ดาวาเมต ผู้ว่าราชการเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์จัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำถวาย ณ มหาศาลาประชาชนอูหลู่มู่ฉี ทอดพระเนตรการแสดงของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
วันที่ ๑๒ (วันพุธที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ของมณฑลซินเจียงอุยกูร์ และโรงงานทำเสื้อขนสัตว์ส่งออกของเมืองอูหลู่มู่ฉี เสด็จฯ จากท่าอากาศยานเมืองอูหลู่มู่ฉี ไปยังเมืองกาชการ์หรือข่าชือ นายอับดุล โอบุท ผู้ตรวจราชการเมืองกาชการ์จัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำถวาย เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการแสดงที่ Kashi Guesthouse
วันที่ ๑๓ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปสุเหร่าไอด์กาห์ และโรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กเววูเอ๋อร์ ซึ่งเป็นของเทศบาลเมืองกาชการ์ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรโรงงานศิลปหัตถกรรมชนชาติ ตลาดบาซาร์ สุสานเซียงเฟย และโรงงานทำเส้นไหม เมืองกาชการ์ เสด็จฯ จากท่าอากาศยานเมืองกาชการ์ ไปยังเมืองอูหลู่มู่ฉี
วันที่ ๑๔ (วันศุกร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ไปโรงงานเย็บปักถักร้อย เมืองอูหลู่มู่ฉี ทอดพระเนตรภูมิประเทศเขาหนานซาน และทรงเยี่ยมชนกลุ่มน้อยคาซัก ณ ตำบลซีไป๋หยางโถว เสด็จฯ ไปร้านขายเครื่องดนตรี เมืองอูหลู่มู่ฉี และห้างสรรพสินค้าโหยวเห่า
วันที่ ๑๕ (วันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๓)
เสด็จฯ ออกจากท่าอากาศยานเมืองอูหลู่มู่ฉี ไปยังนครกวางโจว พระราชทานพระราชวโรกาสให้ข้าราชการสถานกงสุล ผู้ว่าราชการมณฑลกวางโจว ผู้แทนสมาพันธ์สตรีกวางโจว และนักเรียนไทยเฝ้าฯ ณ ห้องรับรองของท่าอากาศยานนครกวางโจว เสด็จฯ จากท่าอากาศยานนครกวางโจวไปยังฮ่องกงและกลับสู่กรุงเทพมหานคร